ข่าวสัตว์เลี้ยง

AAI ดันเพิ่มรายได้ Pet Food เฮ้าส์แบรนด์เป็น 10% มั่นใจปีนี้

AAI ดันเพิ่มรายได้ Pet Food เฮ้าส์แบรนด์เป็น 10% มั่นใจปีนี้โต 15-20%ตามเป้า

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากแบรนด์สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของตัวเองเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2-3%

โดยบริษัทได้พัฒนาสินค้าแบรนด์มองชู (monchou) และ มาเรีย (Maria) เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดสินค้าพรีเมียม ขณะที่ แบรนด์ มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) และ ฮาจิโกะ (Hajiko) เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดทั่วไป ส่วนแบรนด์ โปร (Pro) เจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก

สินค้าแบรนด์ของบริษัทจะเน้นการขยายตลาดในภูมิภาคเป็นหลัก เนื่องจากสินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในตลาด ซึ่งปัจจุบันได้ส่งไปให้ตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซียและตะวันออกกลางเพื่อทดลองตลาดแล้วในปัจจุบัน และ อนาคตเตรียมที่จะขยายไปในตลาดจีนเพิ่มเติมด้วย

ข่าวสัตว์เลี้ยง

สำหรับภาพผลประกอบการในปี 65 บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 15-20% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,400 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบสินค้าการรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) ซึ่งบริษัทรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงให้กับผู้ผลิต 40-50 แบรนด์ และมีจำนวนผลิตภัณฑ์มากกว่า 200 SKU โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจาก ประเทศสหรัฐ ประเทศญีปุ่น และ สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นที่มีขนาดใหญ่และมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีความต้องการที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระแสความสนิยมการเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิคของครอบครัว ทำให้เจ้าของยอมที่จะใช้จ่ายในสินค้าและบริการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เพื่อที่จะให้คุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เดินหน้าลงทุนเพื่อที่จะทยอยขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทย ช่วงปลายปี 65-68 อีกประมาณ 40,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกสูงสุด 42,000 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท รวมไปถึงการขยายคลังสินค้าอัตโนมัติ (Auto Warehouse) แห่งที่ 2 ภายในปี 66 ด้วยงบลงทุน 400-500 ล้านบาท สามารถจัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 พาเลท

“โดยส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับราคาที่เปิดซื้อขายในวันนี้ ซึ่งราคา IPO ถือว่ามีความเหมาะสม ถือว่าเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารสัตว์เลี้ยงรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และเราสามารถทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในสินค้าที่ผลิตและไปจำหน่ายในต่างประเทศ แผนเราชัดเจนว่าจะมีการเติบโต ทั้งจากการเพิ่มกำลังการผลิต และ การขยายคลังสินค้า”นายเอกราช กล่าว